Assassin’s Creed Valhalla – ประวัติศาสตร์เบื้องหลังตำนานไวกิ้ง

เรื่องราวของ Assassin’s Creed Valhalla เกิดขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 9 ในช่วงเวลาที่เผ่านอร์สกำลังละทิ้งบ้านเกิดในดินแดนสแกนดิเนเวีย และล่องเรือสู่อาณาจักรแองโกลแซกซอนบนเกาะอังกฤษ ในช่วงเวลาแห่งการอพยพนี้เอง ที่คุณจะได้รับบทเป็น Eivor และนำผู้คนเพื่อเสาะหาบ้านหลังใหม่ ในขณะที่คุณออกผจญภัยไปในการเดินทางสุดยิ่งใหญ่ของชาวไวกิ้ง Valhalla คุณจะต้องนำกำลังออกปล้น, ต่อสู้ในมหาสงคราม และสร้างถิ่นฐานเพื่อตั้งรกรากอย่างสงบสุข บนแผ่นดินอังกฤษในช่วงศตวรรษที่ 9

เพื่อเป็นการศึกษาช่วงเวลาที่ถูกเรียกขานว่า ยุคมืด โดยคนทั่วไปให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น เราได้คุยกับ Thierry Noël นักประวัติศาสตร์และที่ปรึกษาให้กับทีมวิจัยและค้นคว้าข้อมูลของ Assassin’s Creed Valhalla

เมื่อเราใช้คำว่า  ไวกิ้ง  จริง ๆ แล้วเรากำลังหมายถึงใครครับ?

Thierry Noel: เป็นคำถามที่เยี่ยมเลยครับ เวลาเราพูดว่า ไวกิ้ง มันก็มักจะถูกใช้เป็นคำธรรมดา ชาวตะวันตกเรารู้ว่า มันสร้างภาพลักษณ์ของความโหดร้ายและการปล้นฆ่า ทำลายวัดวาอาราม ไปทั่วดินแดนยุโรปตะวันตก แต่ในความเป็นจริงแล้วมันมีความซับซ้อนมากกว่านั้น ความหมายที่แท้จริงของไวกิ้งนั้นหมายถึงชนชั้นสูงของสังคมชาวนอร์ส ซึ่งประกอบไปด้วยพ่อค้า, นักสำรวจ, นักเดินเรือชั้นยอด, ผู้ตั้งถิ่นฐาน และใช่ครับ มันรวมถึงผู้รุกรานและเหล่าโจรร้ายด้วย

เกมจะเริ่มต้นเมื่อเผ่าของ Eivor ละจากบ้านเมืองในนอร์เวย์ พวกเขาย้ายถิ่นกันทำไม? เกิดอะไรขึ้นบนดินแดนนั้นในช่วงเวลานี้ของโลกอยู่ครับ?

TN: ว่ากันตามประวัติศาสตร์แล้ว มันเป็นเรื่องที่โต้เถียงกันอยู่ว่าอาจจะเป็นเพราะสงครามที่ไม่สิ้นสุด ความแร้นแค้นขัดสน และที่ดินทำกิน คำตอบก็คืออาจจะเป็นทุกอย่างผสมกัน พวกเขาจากมาเพราะอยากค้นหาดินแดนและทรัพยากรใหม่ ๆ ในศตวรรษที่ 9 ผู้คนในสแกนดิเนเวียค้นพบวิธีการเดินเรือและใช้งานมันได้อย่างมีประสิทธิภาพ สิ่งนี้ทำให้พวกเขาเดินทางไปทั่วโลก ในช่วงท้ายของยุคอาณาจักรโรมัน โลกกระจายออกเป็นหลายอาณาจักร และชาวไวกิ้งมีบทบาทสำคัญในการเชื่อมโยงอาณาจักรเหล่านั้นเข้าด้วยกัน เพราะว่าพวกเขาอยู่ทุกที่

ส่วนมาก Assassin’s Creed จะเกิดขึ้นในยุคสมัยที่มีการบันทึกประวัติศาสตร์เอาไว้อย่างละเอียด Valhalla เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เรียกว่ายุคมืด ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ไม่มีคนรู้เรื่องมากมายนัก ทำไมช่วงเวลานี้ถึงเหมาะกับการเป็นฉากหลังให้กับเกม Assassin’s Creed?

TN: มันเป็นช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นมาก มันถูกเรียกว่ายุคมืดเพราะเราไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับมันเหมือนอย่างอิยิปต์หรือกรีกโบราณ ถึงมันจะเป็นช่วงเวลาที่มืดหม่นแต่มันก็เป็นช่วงเวลาของการเปลี่ยนแปลง โลกของชาวโรมันกำลังเลือนหายไป และยุคกลางก็ยังมาไม่ถึง มันจึงเป็นช่วงเวลาที่น่าสนใจในการตั้งตัวใหม่ของโลกตะวันตก สร้างบรรทัดฐานและโครงสร้างของรัฐขึ้นมาใหม่ และผสานรวมวัฒนธรรมที่เคยโดดเดี่ยวเข้ามา มันไม่ใช่แค่เป็นช่วงเวลาของความขัดแย้ง มันเป็นช่วงเวลาของการแลกเปลี่ยนไหลผ่านหากันและกันของวัฒนธรรมอย่างมหาศาลของผู้คน และไวกิ้งก็เป็นตัวแปรสำคัญในการสร้างโลกขึ้นมาใหม่ผ่านการแลกเปลี่ยนนี้เอง

โลกที่ Eivor ได้ออกเดินทางไปหานั้นเป็นอย่างไร? สถานการณ์ของอังกฤษในช่วงศตวรรษที่ 9 นั้นเป็นอย่างไรบ้าง?

TN: ในตอนนั้น อังกฤษเป็นสังคมพหุชาติพันธุ์ โดยมีกลุ่มใหญ่เป็นชาวแองโกลแซกซอน  แต่ก็ยังมีชาวบริเตน ซึ่งเป็นทายาทของชาวโรมันโบราณ และชนชาติอื่น ๆ อีกมากมาย มันเป็นดินแดนที่ร่ำรวย แต่ก็ถูกแบ่งแยกออกเป็นหลายส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งระหว่างอาณาจักรของชาวแองโกลแซกซอนกันเอง นี่เป็นจุดที่ชาวไวกิ้งให้ความสนใจอย่างมาก และใช้สถานการณ์นี้ให้เป็นประโยชน์ในการแบ่งแยกดินแดนอังกฤษออกมา

เราได้เห็นหนึ่งในกษัตริย์ของอาณาจักรเหล่านั้นในตัวอย่างเปิดตัวเกม กษัตริย์อัลเฟรดคือใคร?

TN: ราชาอัลเฟรดเป็นบุคคลสำคัญของประวัติศาสตร์อังกฤษ เมื่อชาวไวกิ้งเริ่มรุกรานและตั้งรกรากในอังกฤษ อาณาจักรของชาวแองโกลแซกซอนทุกแห่งล่มสลายอย่างไม่อาจต้านทานได้ อาณาจักรเดียวที่ยืนหยัดอยู่ได้คือ Wessex ซึ่งก็คืออาณาจักรที่อัลเฟรดปกครองอยู่ ไม่เพียงแต่เขานำพาอาณาจักรให้อยู่รอดได้ แต่เขายังสามารถขับไล่การรุกรานของชาวไวกิ้ง และสร้างรากฐานของอังกฤษในยุคใหม่ขึ้นมาด้วย เขาจึงเป็นตัวละครที่สำคัญสำหรับเรามาก

ฟังดูเมื่อเป็นความขัดแย้งที่ต่อเนื่องยาวนาน และแน่นอนระบบการต่อสู้ถือเป็นหัวใจสำคัญของ Assassin’s Creed และจากภาพตัวอย่าง การค้นคว้าให้ข้อมูลอะไรที่จะนำมาปรับเปลี่ยนระบบการต่อสู้ของ Assassin’s Creed Valhalla บ้าง?

TN: เรารู้ว่าการต่อสู้ในสมัยนั้นค่อนข้างหยาบและเงอะงะ การค้นคว้าของเราให้ข้อมูลว่าเหล่าไวกิ้งนักสู้ที่เก่งรอบด้าน พวกเขาใช้อาวุธได้หลายชนิด แถมยังใช้อาวุธได้ทั้งสองมืออย่างคล่องแคล่วกับทุกอย่างที่พวกเขาคว้าได้ แม้แต่โล่ก็ยังถูกนำมาเป็นอาวุธได้ นั่นจึงเป็นสาเหตุว่าทำไมใน Assassin’s Creed Valhalla คุณสามารถถือโล่คู่ได้ การต่อสู้ของไวกิ้งมีความหลากหลายมาก และนั่นคือสิ่งที่ทำให้เราอยากให้ผู้เล่นได้สัมผัสมันด้วย การค้นคว้ายังบอกเราว่าชาวไวกิ้งมีแผนการรบหลากหลาย การออกปล้นจึงเข้ามามีบทบาท เราอยากทำให้มั่นใจว่าเราสามารถสะท้อนการออกปล้นได้อย่างถูกต้องและให้ผู้เล่นได้ควบคุมมันด้วย

ในตัวอย่างเราได้เห็นพิธีกรรมของชาวไวกิ้ง ซึ่งอ้างอิงถึงเทพเจ้าของพวกเขาด้วย มันจะมีผลอะไรกับตัวเกมบ้าง?

TN: ตำนานและเทพเจ้ามีส่วนสำคัญในชีวิตประจำวันของชาวนอร์ส ผ่านพิธีกรรม การบูชา ความเชื่อ และการตีความโลกรอบตัว พวกเขามีความเชื่องมงายในลางบอกเหตุ เช่น เมื่ออีกาปรากฎตัวขึ้นอย่างที่ได้เห็นในตัวอย่าง เราได้เห็นอิทธิพลของมันในซีรีส์ดัง ๆ หรือตำนานอันเป็นที่รู้จักดีของชาวไวกิ้ง สังคมไวกิ้ง พิธีกรรมต่าง ๆ และตำนานของพวกเขาคือรากฐานของ Assassin’s Creed Valhalla

สิ่งที่คุณจะทำเมื่อมาถึงอังกฤษคือการสร้างที่พักให้กับคนของคุณ ประวัติศาสตร์บอกอะไรเราเรื่องนี้บ้าง?

TN: การตั้งถิ่นฐานเป็นเรื่องสำคัญในสังคมไวกิ้ง ไม่ใช่แค่เพียงเพราะว่าพวกเขาเป็นทั้งพ่อค้าและนักสำรวจ แต่ไวกิ้งยังตั้งรกรากในทุกที่ ที่พวกเขาทำได้ เรามีข้อมูลทางโบราณคดีชี้ว่าชุมชนไวกิ้งในอังกฤษเป็นรากฐานของการใช้ชีวิตของชาวไวกิ้ง

คุณพูดไว้ว่าช่วงเวลานี้ถูกเรียกกันว่ายุคมืด เพราะเราไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับมันมากนักเมื่อเทียบกับยุคอื่น แล้วข้อมูลเหล่านี้ได้มาจากไหน? 

TN: ส่วนหนึ่งก็มาจากนักโบราณคดี บางส่วนก็มาจากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ของยุคนั้น ทั้งในรูปแบบบันทึกต่าง ๆ ของยุคนั้น น่าเสียดายว่าไวกิ้งทิ้งบันทึกลายลักษณ์อักษรที่พูดถึงตัวเองเอาไว้น้อยมาก ทำให้ภาพลักษณ์ชั่วร้ายของไวกิ้งถูกสร้างขึ้นจากบันทึกของเหล่านักบวชและเหยื่อจากการรุกรานของชาวไวกิ้ง อย่างที่คุณน่าจะนึกได้ว่าพวกเขามีชื่อเสียงในแง่ลบเป็นหลัก เรายังมีตำนานและมหากาพย์ไวกิ้ง ที่ถูกเล่าต่อกันมาแบบปากเปล่าเป็นประเพณีหลายร้อยปี ก่อนจะถูกบันทึกไว้ให้โลกรับรู้

ในช่วงศตวรรษหลัง ๆ เมื่ออังกฤษทำการตรวจชำระประวัติศาสตร์ของตัวเอง มันสำคัญที่เขาจะต้องวาดภาพศัตรูอันโหดเหี้ยมเพื่อช่วยอธิบายว่าชาติเกิดขึ้นจากการขับไล่ผู้รุกราน

ข้อมูลจากการค้นคว้านี้สร้างความประหลาดใจให้กับคุณบ้างไหม?

TN: อย่างมากเลยละครับ ความแตกต่างระหว่างสังคมนอร์สที่แท้จริงกับภาพลักษณ์ที่เรามีถึงชาวไวกิ้งเป็นเรื่องน่าสนใจมากสำหรับผม พวกเขาเป็นสังคมที่น่าสนใจในด้านวัฒนธรรม และค่อนข้างเท่าเทียมในเรื่องการปฎิบัติต่อผู้หญิง ซึ่งในยุคนั้นมีสิทธิค่อนข้างมาก มันเป็นภาพที่ขัดแย้งกับไวกิ้งที่ผู้คนรับรู้มา

ผู้เล่นสามารถเลือกที่จะเล่นเป็น Eivor ได้ทั้งชายและหญิง และเรายังได้เห็นผู้หญิงร่วมรบในตัวอย่างด้วย ในอารยธรรมไวกิ้ง ผู้หญิงเป็นนักรบด้วยรึเปล่า?

TN: แหล่งข้อมูลทางโบราณคดีค่อนข้างจะถกเถียงกันในเรื่องนี้ แต่ในความเป็นจริง สิ่งที่ผมคิดว่าสำคัญก็คือมันเป็นส่วนหนึ่งของการเกิดขึ้นของพวกเขาบนโลกนี้ ตำนานนอร์สมากมายเต็มไปด้วยนักรบและหญิงสาวผู้เก่งกล้า มันเป็นส่วนหนึ่งของโลกในอุดมคติของพวกเขา ว่าทั้งชายและหญิงเท่าเทียมกันในสนามรบ และนั่นคือสิ่งที่ Assassin’s Creed Valhalla สะท้อนออกมา

Assassin’s Creed Valhalla วางจำหน่ายปลายปี 2563 บนเครื่อง Xbox Series X และ PS5 รวมถึงบนเครื่อง Xbox One, PS4, PC, และ Stadia สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ For more on Assassin’s Creed Valhalla ติดตามได้ที่ Assassin’s Creed hub.

 

เมนู