THE DIVISION 2 – เตรียมความพร้อมก่อนลุย RAID

การอัปเดต Operation Dark Hours ของเกม Division 2 เริ่มในวันที่ 16 พ.ค. นำเสนอการเล่น raid แบบ 8 ผู้เล่นเป็นครั้งแรก โดยนี่คือส่วนเสริมแบบฟรีสำหรับทุกคน แต่คุณจะไม่สามารถเข้าร่วมได้หากคุณยังเป็นเอเย่นต์มือใหม่ อย่างไรก็ตาม เรามีคู่มือที่มีประโยชน์ซึ่งครอบคลุมสิ่งที่คุณต้องทำเพื่อให้มีคุณสมบัติพร้อมรับการปะทะในโหมดดังกล่าว แต่อย่าลืมว่าหากคุณผ่านมันไปได้ ก็จะได้รับรางวัลใหญ่ในตอนท้ายที่สุด

RAID คืออะไร?
เมื่อผู้เล่นเสร็จสิ้นภารกิจ Tidal Basin แล้ว ตัว Operation Dark Hours ก็จะสามารถเล่นได้ที่ Base of Operations โดยการปลดล็อกผ่านนักบินเฮลิคอปเตอร์ หรือที่แท็บ “raid” บนหน้าโซเชียลเพจ ผู้เล่นสามารถเริ่มต้นดาวน์โหลดหัวข้ออัปเดต 3 (ซึ่งรวมถึง Operation Dark Hours) ได้ตั้งแต่วันที่ 14 พ.ค. อย่างไรก็ตามการโจมตีจะไม่เปิดจนกว่าจะถึง 16 พ.ค.
ทั้งนี้ การจู่โจมจะเกิดขึ้นที่สนามบินแห่งชาติวอชิงตันซึ่งเป็นพื้นที่ใหม่ในเกม และจะเริ่มต้นด้วยการตั้งค่าความยากไว้ที่ “Normal” สำหรับ Operation Dark Hours ได้รับการออกแบบสำหรับผู้เล่นแปดคน แต่สามารถเล่นได้แม้สมาชิกไม่ถึงตามจำนวน…เพียงเตือนไว้ว่า ตัวเกมออกแบบให้มีความสมดุลสำหรับผู้เล่นแปดคนและเป็นความท้าทายที่ยากที่สุดของ The Division 2 และคุณจะสามารถเชิญผู้เล่นใหม่เข้าสู่ทีมได้เลยระหว่างการจู่โจม โดยพวกเขาจะข้ามเนื้อหาที่เล่นไปแล้วก่อนหน้านี้ทั้งหมดและเข้าร่วมในส่วนที่เหลือของทีม

การเล่นให้ผ่าน Operation Dark Hours ไม่ได้เกี่ยวกับการกำจัดศัตรูเท่านั้น ผู้เล่นจะต้องเข้าใจกลไกของการต่อสู้ ค้นหากลยุทธ์เพื่อตอบโต้ แล้วดำเนินการตามกลยุทธ์นั้น ผู้เล่นจะมีบทบาทที่แตกต่างกันในระหว่างการต่อสู้ทั้งสี่ครั้ง – ไม่ว่าจะเป็นการต่อสู้กับศัตรูหรือการมีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อม – และการประสานงานกันเป็นทีมเป็นสิ่งจำเป็นต่อชัยชนะ

การสื่อสาร และการรักษา จะมีความสำคัญมากกว่าที่เคย เนื่องจากชุดเกราะจะถูกจำกัดไว้ไม่เกินสองชุดต่อผู้เล่น สกิลพื้นฐานของคุณ – เช่นฮีลลิงโดรน, บูสเตอร์ไฮฟ์ จะมีประสิทธิภาพอย่างมากในการช่วยเหลือทั้งทีม แต่ความสามารถด้านเกียร์และความเชี่ยวชาญเฉพาะ จะใช้กับกลุ่มย่อยของเอเย่นต์ทั้งสี่เท่านั้น และโซนใน raid ทั้งหมดถือเป็นโซนที่จะ “ไม่มีการเกิดใหม่” ซึ่งหมายความว่าคุณจะไม่สามารถเกิดใหม่ได้ในระหว่างการต่อสู้ ความหวังเดียวของคุณคือการได้รับการชุบชีวิตโดยเพื่อนร่วมทีม โดยในช่วงเริ่มต้นของการต่อสู้ผู้เล่นแต่ละคนจะได้รับ Revive Token ที่ช่วยให้พวกเขาฟื้นเพื่อนร่วมทีมที่หมดสติในระหว่างการต่อสู้ ผู้เล่นแต่ละคนสามารถฟื้นเพื่อนร่วมทีมหนึ่งคนต่อการต่อสู้และได้แค่ครั้งเดียว และสิ่งนี้ใช้ไม่ได้กับผู้เล่นที่ล้มลงซึ่งยังคงสามารถคลานไปรอบๆ ซึ่งพวกเขาสามารถฟื้นฟูได้ตามแบบปกติ

เคล็ดลับในการเตรียมการสำหรับ RAID

ในการเริ่ม Operation Dark Hours คุณจะต้องเอาชนะ Tidal Basin จากนั้นก็ก้าวเข้าสู่ World Tier 5 และมีคะแนนเกียร์อย่างน้อย 490 ขณะที่ 490 ถือเป็นตัวเลขที่เพียงพอต่อการการเริ่มต้น แต่มันก็อาจจะยังยากอยู่ ดังนั้นเราแนะนำให้เข้าไปด้วยคะแนน 500 ซึ่งการจะมาถึงจุดนี้ได้นั้นมันพูดง่ายกว่าทำ เอาเป็นว่า เรามีเคล็ดลับเก้าประการที่จะทำให้เอเย่นต์ของคุณแข็งแกร่งเพียงพอต่อภารกิจสุดโหดนี้

  1. ไปถึงเลเวล 30 แล้วเล่นแคมเปญให้จบ

ขั้นตอนแรกของคุณในการเตรียมพร้อมสำหรับ raid คือการทำแคมเปญหลักใน The Division 2 ให้สำเร็จ แล้วเก็บเลเวลให้ถึง 30 และทำลายฐานที่มั่นทั้งสาม ในขณะที่คุณสามารถรับมือกับ District Union Arena และฐานที่มั่น Roosevelt Island ที่ระดับ 28 คุณจะต้องถึงเลเวล 30 เพื่อทำฐานที่มั่น Capitol Building หากคุณพบว่าเล่นลำบาก แล้วต้องการอัปเลเวล ก็ให้เล่นภารกิจรองทั้งหลายเพื่อสะสม XP

  1. เลื่อนระดับ World Tier และผลักดัน Gear Score

เมื่อคุณเข้าสู่เลเวล 30 แล้วทำแคมเปญให้เสร็จคุณจะถูกพาเข้าสู่ช่วงเอนด์เกม ซึ่ง World Tier จะเข้ามาแทนที่ระดับเลเวลของศัตรู และฝ่าย Black Tusk ใหม่ที่อันตรายถึงตายได้เข้าสู่ดี.ซี. คุณจะเริ่มต้นที่ World Tier 1 และในที่สุดก็จะพัฒนาไปสู่ ​​World Tier 5 โดยอาศัยการเล่นบุกชิงป้อมปราการต่าง ๆ ที่ยึดไว้โดย Black Tusk ทั้งนี้ การบุกสตรองโฮลด์สามารถทำได้หลายรูปแบบ และตามลำดับใดก็ได้ ตราบที่คุณทำภารกิจบุกเข้ายึดมั่นทั้งสองของแต่ละฐานและมีคะแนนเกียร์ขั้นต่ำที่จำเป็น (275 สำหรับ World Tier 2, 325 สำหรับ World Tier 3, 375 สำหรับ World Tier 4, 425 สำหรับ World Tier 5)

เมื่อคุณสร้างฐานที่มั่นเสร็จแล้วคุณจะได้รับการเลื่อนระดับ World Tier ถัดไปโดยอัตโนมัติและคะแนนเกียร์ขั้นต่ำที่จะใช้ในฐานที่มั่นต่อไปจะเพิ่มขึ้น วิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด คือการเล่นภารกิจที่ต้องการสองฐานของ สตรองโฮลด์ ที่ได้รับก่อน – สิ่งนี้จะช่วยเพิ่มคะแนนเกียร์ของคุณไปสู่ระดับที่ต้องการ – จากนั้นทำภารกิจบุกฐานที่มั่นทันทีที่ปลดล็อคเพื่อเลื่อนชั้นของคุณ ด้วยวิธีนี้คุณสามารถใช้อุปกรณ์ที่คุณจะได้รับเพื่อเพิ่มคะแนนเกียร์ของคุณไปยังเกณฑ์ถัดไป ทำขั้นตอนนี้ให้สำเร็จสามครั้งเพื่อไปถึงระดับ World Tier 4 ณ จุดนี้คุณจะต้องบรรลุคะแนนเกียร์ 425 เพื่อเข้าสู่ฐานที่มั่นสุดท้ายของ Tidal Basin แต่เพื่อให้ถึงจุดนี้ (และผลักดันคะแนนเกียร์ของคุณให้ดียิ่งขึ้นเมื่อคุณเอาชนะ Tidal Basin) คุณจะต้องทำมากกว่าภารกิจ Invaded ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดที่จะเพิ่มคะแนนเกียร์ของคุณเพื่อที่จะทำลายแต่ละฐานที่มั่นคืออะไรล่ะ…ลองอ่านข้อต่อไป

  1. แบ่งเวลาไปทำภารกิจรองต่าง ๆ

เพื่อเพิ่มคะแนนเกียร์ของคุณ คุณจำเป็นต้องมีอุปกรณ์เพิ่มขึ้น กิจกรรมใด ๆ ที่คุณทำในช่วงเอนด์เกมของ The Division 2 จะให้ของรางวัลที่จะทำให้คุณมีพลังมากขึ้น นอกเหนือจากการทำภารกิจ Invaded Missions แล้วคุณจำเป็นต้องถอยออกมา แล้วไปทำอย่างอื่นบ้าง โดยเฉพาะพวกไซด์มิชชัน, ภารกิจล่าค่าหัว, ภารกิจรายวันและรายเดือน และการตะลุยดาร์กโซน, การยึดจุดควบคุมซ้ำ ๆ (แม้ว่าคุณเคยยึดมาก่อนแล้ว) เหล่านี้จะช่วยเพิ่มการลูทไอเท็มให้คุณได้อย่างมากมาย

  1. ปลดล็อกความเชี่ยวชาญทั้งหมด

เมื่อคุณเข้าสู่เลเวล 30 คุณจะสามารถปลดล็อกความเชี่ยวชาญพิเศษ (นักแม่นปืน, ผู้ทำลายล้าง, ผู้รอดชีวิต) และอาวุธใหม่ที่ทรงพลัง (Sniper Rifle, Grenade Launcher, Tactical Crossbow) สิ่งที่คุณอาจไม่ทราบก็คือคุณสามารถปลดล็อกความเชี่ยวชาญอื่นได้เช่นกันและสลับไปมาระหว่างกันได้อย่างอิสระ แม้ว่าสิ่งนี้จะช่วยให้คุณค้นพบความเชี่ยวชาญที่เหมาะสมกับสไตล์การเล่นของคุณมากที่สุด แต่ก็ยังมอบความสามารถในการเติมบทบาทให้กับทีมของคุณได้ตามต้องการ Operation Dark Hours จะนำเสนอความท้าทายที่หลากหลายดังนั้นการมีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางทั้งหมดจะช่วยให้แน่ใจว่าทีมเอเย่นต์ทั้ง 8 มีความรอบรู้และเตรียมพร้อมสำหรับทุกสิ่งที่จะได้เจอ นอกจากนี้ มันยังจำเป็นที่คุณควรใช้เวลาเรียนรู้ที่จะใช้งาน Specialization ให้ครบทุกอัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสามารถพิเศษของอาวุธ ซึ่งความเสียหายแบบพาสซีฟถูกนำมาใช้เพื่อเพิ่มพลังของอาวุธของคุณ นอกจากนี้ยังมีพรสวรรค์ที่จะมอบโบนัสอันทรงพลังให้กับคุณและทีม การมีความเชี่ยวชาญอย่างน้อยหนึ่งอย่างในกลุ่มย่อยของคุณ จะช่วยให้คุณสามารถเข้าถึงโบนัสเหล่านี้ได้มากขึ้น

  1. หมั่นไปหา Vendor

เมื่อคุณเข้าสู่ช่วงเอนด์เกม ผู้ขายและกลุ่มผู้ขายที่ฐานปฏิบัติการของคุณ (BOO) จะเสนออาวุธและอุปกรณ์ที่คุ้มค่าแก่การซื้อหามาใช้ อย่างไรก็ตามราคามันไม่ถูกซักเท่าไร ดังนั้นคุณต้องแน่ใจว่า อะไรที่คุณไม่ต้องใช้แล้ว ให้ขายมันซะ แล้วเอาไปซื้อของใหม่ การซื้ออุปกรณ์ใหม่แม้ว่าบางครั้งมันจะมีคะแนนสูงขึ้นเพียงไม่กี่คะแนนก็ตาม แต่มันก็ยังถือว่ามีประโยชน์ เพราะการดรอปไอเทมจะพิจารณาจากคะแนนเกียร์ปัจจุบันของคุณ ยิ่งคะแนนปัจจุบันของคุณสูงขึ้นเท่าไหร่คะแนนของไอเทมที่ดรอปก็จะสูงตามด้วยและเมื่อคุณไปถึง World Tier 5 ให้ไปที่ผู้ขายของคุณทันทีเพื่อรับคะแนนอุปกรณ์เพิ่มอย่างรวดเร็วเพื่อให้คุณไปถึงหลัก 500 นั่นเอง

  1. อัปเกรด Crafting Bench ของคุณ

ตลอดการเดินทางของคุณเพื่อช่วยวอชิงตันดีซีคุณจะได้รวบรวมพิมพ์เขียวเพื่อสร้างอาวุธเกียร์และ mods ที่โต๊ะทำงานในฐานปฏิบัติการ คุณต้องการ การม็อดเพียงครั้งเดียวให้อาวุธของคุณ โดยคุณจะเห็นจุดสีแดงในอินเวนโทรี โดยคุณสามารถเพิ่มเข้าไปในอาวุธที่เข้ากันได้มากเท่าที่คุณต้องการ เมื่อพูดถึงอาวุธเกียร์และอุปกรณ์ดัดแปลงคุณจะสามารถสร้างมันขึ้นมาในระดับที่กำหนดได้ หากคุณต้องการสร้างไอเท็มที่ให้คะแนนสูงสุดเท่าที่จะเป็นไปได้คุณจะต้องอัปเกรด bench ของคุณโดยใช้ทรัพยากรเช่นเซรามิกไทเทเนียมและ printer filament คุณจะต้องตัดสินใจเลือกอย่างรอบคอบว่าจะขายของใดและอันไหนควรชำแหละเอาวัตถุดิบ โดยหากคุณไม่ได้รับทรัพยากรที่คุณต้องการให้ลองขายสินค้าแทน และอย่าลืมว่า การแยกส่วนพวก mods นั้นจะทำให้คุณได้รับ printer filament ที่คุณสามารถใช้เพื่ออัปเกรด bench ของคุณต่อไป

  1. ทำภารกิจอื่นที่นอกเหนือจาก Tidal Basin

เมื่อคุณเอาชนะป้อมปราการ Tidal Basin และก้าวเข้าสู่ World Tier 5 คุณจะสังเกตเห็นว่าป้อมปราการที่ถูกบุกรุกและภารกิจที่เกี่ยวข้องนั้นกลับมาพร้อมใช้งานอีกครั้ง ไม่เพียง แต่ภารกิจเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ในการรับคะแนนอุปกรณ์ของคุณมากถึง 500 แต่พวกเขาจำเป็นต้องทำให้เสร็จหากคุณต้องการเล่น Tidal Basin อีกครั้ง ในการค้นหาอุปกรณ์ที่แข็งแกร่ง เมื่อคุณมาถึง World Tier 5 แล้ว Strongholds จะรีเซ็ตสัปดาห์ละครั้งซึ่งหมายความว่าคุณสามารถทำภารกิจบุกสามภารกิจหนึ่งในสามป้อมปราการเดิมและเล่น Tidal Basin ได้สัปดาห์ละครั้ง

  1. เยี่ยมชมสนามยิงปืน

หากคุณไม่แน่ใจว่าอาวุธใดที่จะใช้งานได้ดีที่สุด ให้คุณไปลองดูก่อนได้ที่ shooting range ซึ่งที่นี่คุณสามารถทดสอบอาวุธของคุณและดูผลตอบรับ ที่แสดงความเสียหายต่อวินาที (DPS) ความแม่นยำและเวลาที่จะใช้สังหาร (TTK) สิ่งนี้จะช่วยให้คุณทราบว่าอาวุธและตัวดัดแปลงของคุณมีประสิทธิภาพเพียงใด นอกจากนี้ยังเป็นวิธีที่ดีในการทดสอบอาวุธใหม่ก่อนที่จะออกไปในสนามรบจริง

  1. เน้นความหลากหลาย

ความหลากหลายเป็นสิ่งสำคัญเมื่อเล่นแบบร่วมมือกันใน The Division 2 ดังนั้นเมื่อคุณกระโดดเข้าสู่ Operation Dark Hours ด้วยทีมเอเย่นต์ 8 นาย จึงเป็นความคิดที่ดีที่จะมีคลาสอาวุธความสามารถและความเชี่ยวชาญที่หลากหลายเพื่อให้คุณสามารถจัดการกับสิ่งใดก็ตามที่โจมตีพุ่งเข้าใส่คุณ ด้วยการจำกัดชุดเกราะเพียงสองชุดต่อผู้เล่น ดังนั้นทักษะการรักษาจะมีความสำคัญมากกว่าที่เคย นอกจากนี้หากผู้เล่นทั้งแปดเน้นสไนเปอร์ทั้งหมด ก็อาจมีแนวโน้มที่จะถูกโอบล้อมโจมตีอย่างรวดเร็ว ฉะนั้นเพื่อนร่วมทีมที่ครอบคลุมปีกของคุณด้วยปืนลูกซองและ SMG สามารถทำให้นักแม่นปืนสองสามคนมีประสิทธิภาพมากขึ้น ในทำนองเดียวกันคุณมีแนวโน้มที่จะเผชิญหน้ากับศัตรูระดับสุดยอดจำนวนมากใน Operation Dark Hours ดังนั้นการเตรียมความสามารถที่สร้างความเสียหายแบบโบนัสต่อพวก elite ก็ถือว่าเป็นสิ่งจำเป็น

มีรางวัลอะไรรอคุณอยู่บ้าง

จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อคุณและเพื่อนที่ดีที่สุดเจ็ดคน ประสบความสำเร็จใน Operation Dark Hours? ซึ่งนั่นก็คือ คุณจะได้รับชุดเกียร์พิเศษสามชุดที่สามารถเข้าถึงได้จากการปราบบอส รวมถึงอาวุธสุดพิเศษด้วย และศัตรูอื่น ๆ ทั้งหมดจะดรอปไอเทมซัพพลายเท่านั้น รางวัลพิเศษจะดรอปจากบอสในครั้งแรกที่พวกมันถูกสังหาร ก่อนที่ตัวเกมจะรีเซ็ตทุกสัปดาห์ หมายความว่าผู้เล่นที่ต้องการเก็บชุดให้สมบูรณ์จะต้องเล่นซ้ำหลายครั้งในช่วงเวลาหลายสัปดาห์ เพื่อสะสมให้ครบ ทั้งนี้ลูทดรอปทั้งหมดจะให้แต้ม 500 เกียร์สกอร์

นอกเหนือจากชุดเกียร์สามชุดและอาวุธ exotic แล้ว ผู้เล่นยังจะได้รับโทรฟี special raid backpack, ชุด arm patches, โทรฟี backpack แบบเฉพาะ, XP และ currency

ทีมแรกที่เล่น raid ตะลุย Operation Dark Hours โดยสมบูรณ์ จะถูกทำให้เป็นอมตะภายในฐานปฏิบัติการ โดยจะมีการจารึกผู้เล่นพร้อมรูปทีมและรายชื่อผู้เล่น และผู้เล่นทุกคนจะมีโอกาสได้รับรางวัลดังต่อไปนี้:

  • Arm Patch: รางวัลสำหรับผู้เล่นทุกคนที่ปฏิบัติ Operation Dark Hours จนลุล่วง ระหว่างวันที่ 16 พ.ค. – 23 พ.ค.
  • Trophy in Clan Room : รางวัลสำหรับผู้เล่นทุกคนที่ปฏิบัติ Operation Dark Hours จนลุล่วง
  • ผู้เล่นทุกคนในกลุ่มจู่โจมต้องมาจากกลุ่มเดียวกัน ไม่มีผู้เล่นนอกกลุ่ม ที่เข้าร่วมระหว่างการจู่โจม
  • raid การโจมตีจะต้องเสร็จสิ้นในเซสชั่นเดียว
  • Clan Banner Icon: รางวัลสำหรับผู้เล่นทุกคนที่ปฏิบัติ Operation Dark Hours จนลุล่วง
  • ผู้เล่นทุกคนในกลุ่มจู่โจมต้องมาจากกลุ่มเดียวกัน ไม่มีผู้เล่นนอกกลุ่ม ที่เข้าร่วมระหว่างการจู่โจม
  • raid การโจมตีจะต้องเสร็จสิ้นในเซสชั่นเดียว

นอกจากนี้ยังมีการยกย่อง 11 แบบที่คุณสามารถได้รับตลอดการโจมตี ผู้เล่นจะได้รับรางวัลสำหรับการกำจัดบอสใหญ่ 4 ราย ได้แก่ Max “Boomer” Bailey, Oliver “Weasel” Gordon, Lucy and Buddy และ DDP-52 Razorback ในขณะที่การล้มบอสจะเป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่อยู่แล้ว แต่เทคนิควิธีการก็สำคัญไม่แพ้กัน ผู้เล่นสามารถได้รับการยกย่องเพิ่มเติม หากจัดการบอสด้วยเงื่อนไขพิเศษดังนี้:

  • The Rapid Response Merit: มอบให้สำหรับการฆ่า Boomer โดยที่ไม่มีผู้เล่นคนใดใช้อาวุธเดิม
  • The Target Prioritization Merit: มอบให้เมื่อกลุ่มสังหาร Weasel ในขณะที่ทหารสนิทสองคนของเขายังมีชีวิตอยู่
  • The Evasive Maneuvers Merit: มอบให้เมื่อกลุ่มสังหาร Twin Dogs และผู้เล่นทุกคนไม่โดนระเบิด seeker mine
  • The Blitzkrieg Merit: มอบให้สำหรับการฆ่า Razorback ในสี่โอเพนนิงหรือน้อยกว่า

นอกเหนือจากการต่อสู้กับบอส ผู้เล่นจะได้รับ Blueberry the Bear Merit สำหรับการค้นหาและทำลาย blue bears ทั้ง 40 ตัวในการจู่โจมรวมถึงการยกย่องเพิ่มเติมสำหรับการบุกจู่โจมโดยไม่มีสมาชิกในทีมล้มลงหมดสติแม้แต่คนเดียว, และมอบให้ด้วยสำหรับการบุก raid ครบห้าครั้ง

ตอนนี้คุณรู้แล้วว่าจะต้องเตรียมพร้อมในการจู่โจมอย่างไรก็ถึงเวลาที่คุณจะต้องเตรียมพร้อมสำหรับการเริ่มต้นของคุณเนื่องจากการแข่งขันเพื่อปฏิบัติการ Operation Dark Hours เริ่มต้นในวันที่ 16 พ.ค.ใน Xbox One, PS4 และ PC สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ The Division 2 ตรวจสอบข่าวก่อนหน้าของเรา

เมนู