THE DIVISION 2 – ทำไม MASSIVE จึงเลือกวอชิงตันดีซี

เจ็ดเดือนผ่านไปหลังจากเหตุการณ์ไวรัส Black Friday ที่ทำให้นิวยอร์คตกอยู่ในความโกลาหล ในเกม The Division 2 นี้จะผลักผู้เล่นให้ไปผจญกับกรุงวอชิงตันดีซีหลังประสบเหตุกายนะ แม้ว่าจะกักกันไวรัสได้แล้ว แต่สังคมคงเหลือเพียงซากปรักหักพัง ในฐานะเอเจนท์แห่ง Division คุณได้รับมอบหมายให้กอบกู้เมืองหลวงของประเทศก่อนจะพังพาบโดยสมบูรณ์ ซึ่งเกมจะวางจำหน่ายในวันที่ 15 มีนาคมนี้บน Xbox One, PC และ PS4

ฉากในเกมถูกสร้างขึ้นมาในอัตราส่วนหนึ่งต่อหนึ่งเมื่อเทียบกับของจริง ดังนั้นกรุงดีซีของ The Division 2 จึงให้ประสบการณ์ที่แตกต่างอย่างมากกับแมนฮัตตันตอนกลางของเกมภาคแรก ในคราวนี้ฉากที่เปิดกว้างจะให้โอกาสในการเล่นใหม่ๆ และในขณะเดียวกันช่วงเวลาเจ็ดเดือนแห่งความพังพินาศก็จะทิ้งประวัติศาสตร์แห่งโศกนาฏกรรมไว้ให้ผู้เล่นได้ประสบในเมืองเช่นกัน การสร้างวอชิงตันดีซีขึ้นมาใหม่นั้นไม่ใช่งานง่ายเลย เพราะเมืองหลวงของประเทศแห่งนี้เป็นสถานที่ตั้งของแลนด์มาร์คที่ผู้คนจดจำมากที่สุดและชื่นชมมากที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น White House (ทำเนียบขาว), Washington Monument (อนุสาวรีย์วอชิงตัน), และยังมี Lincoln Memorial (อนุสรณ์สถานลินคอล์น) เป็นต้น การที่จะสร้างเมืองให้สมจริงที่สุดก่อนจะทำลายมันลงในลักษณะที่น่าเชื่อถือในภายหลัง ทีมงานที่ Ubisoft Massive จึงต้องทำการค้นคว้าและเลือกใช้วิธีการสร้างสรรค์แบบใหม่ เราจะมาคุยกับครีเอทีฟไดเร็กเตอร์ของเกมอย่าง Julian Gerighty กันเพื่อเรียนรู้ว่าทีมงานที่ Ubisoft Massive สร้างโลกของเกมที่น่าเชื่อถือขึ้นมาได้อย่างไร ที่ซึ่งทุกถนนล้วนมีเรื่องเล่าให้รับรู้

คุณเลือกวอชิงตันดีซีมาได้อย่างไรครับ แล้วขั้นตอนในการสร้างคืออะไร?

Julian Gerighty: โดยพื้นฐานเลย ตอนที่เราคิดกันว่าจะสร้างภาคต่อผมมุ่งมั่นมากที่จะเปลี่ยนสภาพแวดล้อมในเกม แม้ว่านิวยอร์คจะมีคุณสมบัติที่ดีทุกประการ แต่มันก็มีบางอย่างที่ผมอยากจะเน้นย้ำลงไปในเกม เราจึงลองหาเมืองต่างๆ ก่อนจะตั้งคำถามในทุกๆ เมืองอย่างเช่น “มันโดดเด่นแค่ไหน?” “มันเหมาะกับ The Division แค่ไหน?” “มีอะไรที่เราจะบอกเล่าเรื่องราวได้บ้าง?” ซึ่งก็เห็นได้ชัดนะครับ ว่าเมืองที่เหมาะที่สุดในการตอบคำถามเหล่านั้นก็คือวอชิงตันดีซี มันเป็นเมืองที่เรามุ่งเป้ามากที่สุดเลย

จากนั้น เพื่อให้แน่ใจว่าเรานำเสนอเมืองออกมาได้ถูกต้อง เราจึงจัดทริปเดินทางไปศึกษาที่นั่นกัน เรามีโอกาสได้ไปที่ดีซีและทำความคุ้นเคยว่ามันเป็นเมืองแบบไหน ความหลากหลายที่มีในเมือง ชีวิตแต่ละแบบของผู้คนในเมือง เพื่อให้แน่ใจว่ามันเป็นเมืองที่เหมาะกับ The Division 2 จริงๆ

มีอะไรของวอชิงตันดีซีที่มันโดดเด่นขึ้นมาไหมครับตอนที่คุณไปที่นั่นด้วยตัวเอง? อะไรที่คุณจะต้องไปศึกษาอย่างใกล้ชิดซึ่งไม่สามารถทำความเข้าใจได้จากเพียงแค่ดูรูปถ่ายหรือดูจากสื่อต่างๆ?

JG: สิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับดีซีก็คือ มันเป็นเมืองที่ผู้คนจะไปจับกลุ่มกันและแสดงออก (เดินขบวน/ประท้วง) อยู่เสมอ มันยังเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยชีวิตปริมาณมหาศาลด้วย ซึ่งก็ทำให้มันแตกต่างมากจากศูนย์กลางการเมืองอื่นๆ ทั่วโลก มันมีความหลากหลาย มีเขตที่เป็นเอกลักษณ์ ขนาดของเมืองซึ่งก็ไม่ได้หมายถึงแค่พวกตัวอาคารสถานที่เท่านั้น แต่สิ่งที่ตัวเมืองมันยืนหยัดในฐานะสัญลักษณ์ก็ทำให้รู้สึกขนลุกได้ครับ ถ้าคุณลองเทียบศูนย์กลางการเมืองและประวัติศาสตร์แห่งนี้กับความมีชีวิตชีวาของจอร์จทาวน์แล้วจะเห็นได้ชัดเลยว่าต่างกันมาก และความหลากหลายนี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่เราจะหาได้ในนิวยอร์ค นั่นแค่ตัวอย่างนะครับ มีอะไรอีกมากมายที่ผมค้นพบในระหว่างแวะไปที่นั่นที่ผมคงไม่รู้ถ้าไม่ได้ไป

ดีซีนั้นไม่ได้ใหญ่โตเกินไป แต่มันยังอยู่ในวิสัยที่เราจัดการได้ ซึ่งนั่นก็ช่วยเราได้มากในการที่จะสร้างเมืองขึ้นมาในอัตราส่วนหนึ่งต่อหนึ่งตามที่ต้องการ และนั่นก็เป็นสิ่งที่เอ็นจิ้น Snowdrop ของเราช่วยเหลือเราได้ในคราวนี้

ด้านไหนของดีซีที่คุณคิดว่าจะต้องใส่ในเกมให้ได้แน่นอนครับ?

JG: อย่างหนึ่งที่ทำผมทึ่งตะลึงในตอนที่ไปดีซีก็คือเมืองมันเหมือนเป็นอนุสาวรีย์ของอเมริกา เป็นอนุสาวรีย์ที่แสดงถึงคุณค่าของอเมริกา หากคุณไปที่ Capitol (อาคารรัฐสภา) หรือไปที่ทำเนียบขาวหรือไปที่ Smithsonian (สถาบันสมิธโซเนียน) ทั้งหมดนี้คือสิ่งแสดงถึงคุณค่าแบบอเมริกัน อดไม่ได้ที่คุณจะต้องรู้สึกเคารพนับถือในคุณค่าเหล่านี้ที่ประเทศนี้ยืนหยัด สิ่งที่เมืองนี้ยืนหยัด และสิ่งที่เมืองจะยืนหยัดต่อไป การรวบเอาสิ่งต่างๆ เหล่านั้นและพยายามจับเอาความรู้สึกเต็มตื้นที่สัมผัสได้ในตอนที่ไปดีซีเป็นครั้งแรกมันเหลือเชื่อมากครับ

ดีซีคือคลังเก็บรักษาวัตถุต่างๆ ในประวัติศาสตร์ของอเมริกันชน: ไม่ว่าจะรัฐธรรมนูญ, Star Spangled Banner (เพลงชาติอเมริกา), ประกาศอิสรภาพ ทั้งหมดนี้ล้วนถูกเก็บรักษาอยู่ในสถานที่เล็กๆ ที่เดียว ถ้าหากคุณอยากจะตกผลึกว่าอเมริกาสามารถดีขึ้นและยอดเยี่ยมได้แค่ไหน และที่ผ่านมายอดเยี่ยมอย่างไร ก็ต้องไปที่นั่นครับ

สำหรับคุณแล้วมันสำคัญรึเปล่าว่าวอชิงตันดีซีใน The Division 2 จะต้องเป็นสถานที่ที่คนซึ่งรู้จักดีซีในความเป็นจริงจะต้องคุ้นเคย?

JG: แน่นอนที่สุดครับ นั่นเป็นสิ่งที่เรามุ่งมั่นกันมาในเกมภาคแรก เราจะต้องปักหมุดทุกอย่างที่คนคุ้นเคยเกี่ยวกับเมืองลงไป คุณจะต้องจำสัญลักษณ์ต่างๆ ที่คุณคุ้นเคยได้ สำหรับใน The Division 2 นี้ สิ่งที่เราผลักดันกันมากกว่าเดิมก็คือการใช้ข้อมูล Geographic Information System (GIS) มาเทียบข้อมูลตอนทำแผนที่ รวมถึงใช้ข้อมูล Light Detection and Ranging (LIDAR) เพื่อสร้างเมืองในอัตราส่วนหนึ่งต่อหนึ่งด้วย นั่นแปลว่าเรามีข้อมูลว่าเสาไฟต้นไหนอยู่ตรงไหน ม้านั่งในส่วนสาธารณะอยู่ตรงไหน เพื่อที่จะได้ใส่รายละเอียดพวกนี้ได้ตรงความเป็นจริงเช่นกัน

การประสบความสำเร็จในการสร้างเมืองแบบหนึ่งต่อหนึ่งเป็นอะไรที่คุณอยากทำแต่แรกรึเปล่า?

JG: ความต้องการนั้นเกิดจากการที่ผมยึดติดกับสถานที่ในความเป็นจริงมากๆ และอยากสร้างสถานที่จริงขึ้นมาใหม่มากๆ น่ะครับ พวกเราสามารถพัฒนาเครื่องมือที่จะใช้งานข้อมูล GIS และ LIDAR ได้อย่างง่ายดาย ซึ่งก็เป็นการช่วยลดขั้นตอนการทำงานไปได้เยอะเลยในตอนที่เริ่มต้นสร้างเมือง ด้วยวิธีนี้เราจึงสามารถมุ่งเป้าไปยังการผลิตอื่นๆ ที่ต้องใช้ความประณีตได้มากขึ้น

เมื่อต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการสร้างกรุงวอชิงตันดีซีขึ้นมาใหม่อย่างสมจริง แล้วคุณตีความเมืองในรูปแบบหลังหายนะยังไงครับ? คุณไปศึกษาค้นคว้ายังไงกับสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นจริงมาก่อนเลย?

JG: ในทีมงานเรามีคนบางส่วนที่ทำหน้าที่ค้นคว้าวิจัยแบบเต็มเวลาเลยครับ หัวหน้าทีมค้นคว้าวิจัยของเราคือCloé Hammoud ที่ร่วมงานใกล้ชิดกับทีมงานสร้างเนื้อเรื่องและโลกในเกม นอกจากการที่เธอไปพูดคุยกับหน่วยเวชกิจฉุกเฉิน, หน่วยดับเพลิง, หน่วย SWAT, หน่วยรักษาความปลอดภัย, หน่วยปฏิบัติการพิเศษ และอดีตหน่วยปฏิบัติการพิเศษแล้ว เธอก็ยังทำการศึกษาค้นคว้าในแต่ละสถานที่ที่เคยประสบหายนะภัยอย่างเข้มข้นด้วยครับ เธอทำการศึกษาแนวทางปฏิบัติในเมืองหลวงแต่ละแห่งว่ามีวิธีป้องกันตนเองยังไง ป้องกันบุคคลสำคัญยังไง เราเลยมีบทสัมภาษณ์หลายร้อยชั่วโมง, มีการบันทึกเทป และบันทึกวิดีโอของผู้คนที่เคยประเหตุดังกล่าวจริงๆ หรือไม่ก็บุคคลที่มีหน้าที่เตรียมรับมือเหตุการณ์เหล่านั้น

ดังนั้น เมื่อหายนะจู่โจมวอชิงตันดีซีใน The Division 2 เราจึงมีศูนย์บรรเทาภัยปรากฏตามที่ต่างๆ ในเมืองสำหรับผู้รอดชีวิตและพลเรือน ไอเดียพวกนี้ส่วนหนึ่งมาจากงานค้นคว้าที่ทีมของเราไปหามา แต่อีกส่วนหนึ่งก็คือความคิดแบบโรแมนติกที่ว่าผู้คนก็คือชุมชนที่มาผูกพันเข้าด้วยกัน และอนาคตรวมถึงความหวังของมนุษยชาติไม่ใช่การแตกแยกหรือความเห็นแก่ตัว อะไรแบบนั้นน่ะครับ มันมาจากความคิดที่ว่าผู้คนเชื่อมั่นในการสร้างสรรค์อะไรบางอย่างร่วมกัน เมื่อคุณลองมองดูเหตุการณ์ภัยพิบัติต่างๆ อย่างเช่น Hurricane Katrina (เฮอริเคนแคทรีน่า) คุณก็จะเริ่มเห็นคุณค่าที่ดีที่สุดในตัวมนุษย์ที่คอยช่วยเหลือกันและกัน

คุณเลือกที่จะเปลี่ยนแปลงแลนด์มาร์คชื่อดังต่างๆ ในดีซียังไงครับ?

JG: ทั้งหมดทั้งมวลมันอยู่ที่งานค้นคว้าของเราในที่ต่างๆ ครับ ยกตัวอย่างเช่น Madison Square Garden (เมดิสันสแควร์การ์เดน) จากเกมภาคแรก ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้ให้ความรู้สึกในเชิงวัฒนธรรมมากเหมือนอย่างเช่นแลนด์มาร์คในดีซี แต่เราก็ถามตัวเองเหมือนกันว่า “เราจะใช้งานสถานที่นี้ยังไง?” และ “มันจะเปลี่ยนแปลงไปยังไงหลังล่มสลาย?” เมื่อเราเริ่มจากตรงนั้น คุณก็จะเริ่มสร้างเป้าหมายของแต่ละกลุ่มก้อนในโลกของเกม แล้วจากนั้นมันก็จะเริ่มเห็นชัดขึ้นว่าใครจะไปยึดครองพื้นที่ไหน และพวกนั้นจะเปลี่ยนแปลงสถานที่ไปยังไง

การบอกเล่าเรื่องราวโดยใช้สภาพแวดล้อมถือเป็นส่วนสำคัญอย่างหนึ่งใน The Division เลย แล้วสำหรับ The Division 2 นี้คุณต่อยอดยังไงครับ?

JG: เกม The Division 2 ถือเป็นเกมที่เน้นการเล่นแบบมัลติเพลเยอร์ในโลกโอเพนเวิลด์ ที่ไม่จำกัดเส้นทางไป การเล่าเรื่องแบบคลาสสิกเป็นอะไรที่ยากมาก และก็ไม่ใช่สิ่งที่เราอยากทำด้วย การเล่าเรื่องราวโดยใช้สภาพแวดล้อมถือเป็นโอกาสชั้นเยี่ยม เพราะคุณจะสามารถแบ่งปันประสบการณ์กับคนในทีมได้ คุณจะสามารถเข้าไปในโรงแรมที่โดนยึดครองแล้วจะเห็นร่องรอยของประวัติศาสตร์ในโรงแรก และได้รับรู้ว่ามันเปลี่ยนแปลงไปยังไงหลังล่มสลาย การบอกเล่าเรื่องราวด้วยสภาพแวดล้อมจึงเป็นสิ่งสำคัญมากครับ

โดยพื้นฐานแล้ว วิธีที่เราใช้คือการแบ่งเมืองออกเป็นหลายเขต ซึ่งภายในแต่ละเขตดังกล่าวมันก็จะมีธีมของตัวเองให้เห็นตามท้องถนน ในทุกสถานที่ที่เราจะใช้สำหรับการทำภารกิจหรือภารกิจเสริมต่างๆ จะต้องไม่มีเรื่องราวเฉพาะตัวอาคารเท่านั้น แต่จะต้องมีเรื่องราวของคนที่อาศัยในอาคารเหล่านั้นด้วย เมื่อคุณเข้าไปในอาคารคุณก็จะคิดว่า “ที่นี่เคยใช้ทำอะไรก่อนล่มสลายนะ?” จากนั้นก็จะคิดว่า “แล้วในระหว่างเกิดเหตุล่มสลายอาคารนี้ถูกใช้ทำอะไร?” จากนั้นในเกมก็จะผ่านมาเจ็ดเดือน แล้วตอนนี้มันเปลี่ยนไปยังไง? ภารกิจของคุณที่นั่นคืออะไร?

ในออฟฟิศของเรามีสิ่งที่เรียกว่าคัมภีร์ตรรกะของโลกในเกมอยู่ ซึ่งเตรียมขึ้นมาโดยผู้กำกับเกมของเราและทีมค้นคว้าข้อมูลรวมถึงทีมสร้างเนื้อเรื่องครับ เราสามารถแยกย่อยเพื่ออธิบายช่วงเวลาเจ็ดเดือนระหว่างเหตุการณ์ Black Friday และวันที่คุณเริ่มปฏิบัติภารกิจใน The Division 2 ได้ เราได้สร้างไทม์ไลน์สำหรับทุกเหตุการณ์สำคัญในเกมเอาไว้ และยังมีเนื้อเรื่องแยกย่อยของแต่ละบุคคลด้วย ดังนั้นมันจึงไม่ได้มีแต่เรื่องราวของแลนด์มาร์คใหญ่ๆ ของโรงแรมและของพิพิธภัณฑ์แน่นอน คุณจะสามารถเข้าไปในสมาคมนักศึกษาชายแล้วค้นพบว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับผู้คนที่นั่น ชีวิตของคนๆ นั้นเป็นยังไงก่อนเกิดเหตุ และมันส่งผลกระทบกับเขายังไงบ้าง

เราไม่ได้แค่มองในระดับใหญ่เท่านั้น แต่เราจะลงลึกไปในเรื่องราวของแต่ละบุคคลและถักทองานอันรุ่มรวยขึ้นมาให้คุณได้สัมผัสด้วยตัวเองในแบบซิงเกิลเพลเยอร์ แต่คุณก็จะไม่พลาดประสบการณ์แบบมัลติเพลเยอร์เหมือนกัน

การสร้างโลกในเกมขึ้นมาแบบนั้นถือเป็นส่วนที่ผมชอบที่สุดในขั้นตอนการสร้างสรรค์เลย มันเป็นหนึ่งในสาเหตุที่เราตัดสินใจขยับเวลาไปข้างหน้าด้วยเช่นกัน เพราะเรานำเสนอนิวยอร์คอันเป็นศูนย์กลางของโรคระบาดในช่วงฤดูหนาวไปแล้ว งั้นศูนย์กลางของอำนาจอย่างดีซีจะเป็นยังไงในฤดูร้อนล่ะ? สถานการณ์จะต่างออกไปไหม? ชีวิตผู้คนจะได้รับผลกระทบอย่างไร?

ดีซีในฤดูร้อนมันร้อนและชื้น คุณจะนำเสนอสภาพอากาศแบบนั้นให้ผู้เล่นได้รับรู้ยังไงครับ?

JG: เรามีวิธีนำเสนอหลายแบบมากครับ มันเป็นส่วนหนึ่งของการรับรู้ฉากในเกมทั้งหมด สมมติว่าคุณอยู่ด้านนอกของอาคาร คุณอาจจะเห็นรังสีความร้อนพวยพุ่งขึ้นมาจากหลังคารถ หรือไม่ก็เห็นแอ่งน้ำขังที่สะท้อนภาพลวงตา (mirage) บนท้องถนน สิ่งเหล่านี้การนำเสนอภาพและลูกเล่นที่เราจะใช้ คุณจะเห็นได้ด้วยว่าความร้อนส่งผลต่อตัวละครของคุณยังไงผ่านรอยเหงื่อชุ่มใต้วงแขน และผิวหนังของพวกเขาจะชุ่มเหงื่ออย่างเห็นได้ชัด และเมื่อเข้าไปในอาคารก็จะเห็นผู้คนที่โชกเหงื่อเหมือนกันเพราะพวกเขาเหนื่อยและหลบแดดกันอยู่ ทั้งหมดมันเริ่มจากการนำเสนอภาพเหล่านี้ จากนั้นคุณก็จะได้ยินบทสนทนาที่ช่วยเน้นย้ำความรู้สึกของความร้อนอบอ้าวและความชื้นเหนอะหนะยิ่งขึ้น

สภาพภูมิประเทศที่เปลี่ยนแปลงไปรวมถึงภูมิทัศน์ในเมืองจะส่งผลต่อเกมเพลย์ยังไงบ้างครับ?

JG: ถ้าเอาอย่างดีที่สุดเลยก็คือมันทำให้เกิดความหลากหลายมากขึ้นครับ คุณจะสามารถยิงต่อสู้ได้ไม่ใช่แค่บนถนนแคบๆ ที่มีอาคารประกบสองข้างทางเท่านั้น แต่ตอนนี้เราจะมีพื้นที่เปิดโล่งมากขึ้น ซึ่ง National Park (อุทยานแห่งชาติ) และชานเมืองอย่างจอร์จทาวน์ก็สร้างความหลากหลายได้มากเลย ถ้าในแง่ของการต่อสู้ คุณจะมีการต่อสู้ในแนวตั้งมากขึ้น เพราะในเมืองจะมีเนินเขามากกว่าเดิม และยังสามารถเล่นอะไรในพื้นที่เปิดโล่งกว่าเดิมก็ได้ด้วย

ถ้าลองดูจากเดโมในงาน E3 ที่ผ่านมาซึ่งนำเสนอเหตุการณ์ด้านนอกอาคารรัฐสภาใกล้ๆ กับ Reflecting Pool (สระสะท้อนเงา) นั่นแหละคือพื้นที่เปิดกว้างขนาดใหญ่ และผมคิดว่าผู้เล่นจะยินดีกับความแตกต่างใน AI ตอบสนองของศัตรูและรวมถึงการที่คุณต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์เพื่อเข้าบุกตีและยึดสถานที่นั้นด้วย เราต้องการให้ผู้เล่นมีโอกาสมากมายได้ตัดสินใจว่าจะรับมือกับแต่ละสถานการณ์ยังไงครับ

แล้วคุณจะจำแนกแต่ละเขตของดีซียังไงให้มันมีเอกลักษณ์ต่างกัน แต่ก็ยังรู้สึกได้ว่าเป็นเนื้อเดียวกัน?

JG: พวกเราสร้างเรื่องราวจากสภาพแวดล้อมเหล่านี้ลงไปในแต่ละเขตเหมือนกัน เพราะงั้นพื้นที่หนึ่งอาจถูกใช้เพื่ออพยพ และอีกพื้นที่หนึ่งเป็นแคมป์สำหรับผู้หลบภัย คุณจะสามารถสร้างความแตกต่างมหาศาลระหว่างพื้นที่ด้วยเรื่องราวที่ต่างกันและการกระทำที่ต่างกัน ซึ่งนำมาสู่จุดที่พวกเขาอยู่ในปัจจุบันได้เลย

เรามีแผนที่ของดีซีในทุกๆ เดือนนับแต่เกิดเหตุล่มสลายมา แผนที่จะแสดงให้เห็นว่าแต่ละกลุ่มก้อนกองกำลังอยู่ที่ไหนและเริ่มเกิดขึ้นมายังไง รัฐบาลมีปฏิกิริยาตอบโต้ยังไง และรวมถึงแลนด์มาร์คไหนที่โดนจู่โจมและได้รับการคุ้มกันด้วย สำหรับตอนนี้เรามีประวัติศาสตร์ที่สมจริงซึ่งบันทึกเรื่องราวการล่มสลายของวอชิงตันดีซีเอาไว้แล้ว แยกออกมาเป็นแต่ละพื้นที่เลย แน่นอนว่ายังรวมถึงเรื่องราวมากมายที่เราหยิบยกมาใช้ได้อีกด้วย

ทางรถไฟใต้ดินในนิวยอร์คมีบทบาทสำคัญมากใน Division ภาคแรก แล้วเส้นทางใต้ดินต่างๆ ของดีซีจะมีบทบาทสำคัญใน The Division 2 เหมือนกันรึเปล่าครับ?

JG: แน่นอนว่าเรามีพื้นที่ใต้ดินบางส่วนของดีซีที่ใส่เข้าไปในโลกของเกมครับ แต่มันจะไม่เหมือนกับอัตราส่วนแบบหนึ่งต่อหนึ่งของพื้นที่บนพื้นดิน สำหรับพื้นที่ใต้ดินเราจะทำอะไรตามใจคิดกันมากกว่า พวกเราต้องการเล่นกับจินตนาการของคนที่ว่ามีอุโมงค์ลับใต้ดินเชื่อมต่อโยงใยถึงกันและรวมถึงบังเกอร์หลบภัยใต้ดินอีกด้วย พวกเรารู้เส้นทางของอุโมงค์รวมถึงเส้นทางหลบหนีบางส่วนครับ แต่เราไม่มีแผนที่ของทุกอย่างใต้ดิน เพราะมันเป็นความลับ

คุณคิดว่าผู้เล่นจะได้รับอะไรจากโลกของ The Division 2 บ้าง?

JG: แค่คุณเดินเล่นในเมืองก็จะได้เรียนรู้และได้รับรู้ความรู้สึกอะไรบ้างแล้วครับ สำหรับผม ดีซีมันคือสัญลักษณ์ของอำนาจ และสิ่งที่เราต้องการนำเสนอก็คือความรับผิดชอบในอำนาจดังกล่าวภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ถือเป็นสิ่งที่ควรเก็บมาคิดใคร่ครวญกันจริงๆ

ผมชอบเซ็ตติ้งนี้มากเลยนะ และคิดว่ามันมีความรุ่มรวยและยังมีเรื่องราวที่บอกเล่าด้วยสภาพแวดล้อมมากยิ่งกว่าเกมที่เราเคยพัฒนากันมาเลยล่ะ ผมจึงตื่นเต้นมากที่จะได้เห็นคนเล่นแล้วมีการตีความในแบบของตนเองว่าเกิดอะไรขึ้นกับอาคารนี้ หรือผู้หญิงคนนี้ หรือรถคันนี้ มันมีเรื่องราวมากมายที่เราบอกเล่าในเมืองและผมอยากให้ผู้เล่นได้ค้นหาจริงๆ

กรุงวอชิงตันดีซีของ The Division 2 นั้นเต็มไปด้วยสถานที่ให้สำรวจและเรื่องราวที่รอการเปิดเผย ในขณะที่คุณคอยช่วยเหลือสังคมไม่ให้พังพินาศโดยสมบูรณ์ คุณก็จะมีโอกาสได้สัมผัสกับทุกอย่างที่เกมจะนำเสนอให้ในวันที่เกมวางจำหน่ายบน PS4, Xbox One และ PC ในวันที่ 15 มีนาคม แต่ถ้าหากว่าเดือนมีนาคมมันรู้สึกว่านานเกินไป คุณก็สามารถเข้าไปสัมผัสเกมภาคแรกได้แล้วตอนนี้ ส่วนใครที่อยากจะลองเล่น The Division 2 ในตอนนี้เลย ก็สามารถลงทะเบียนเพื่อรับโอกาสในการเล่นเบต้าและสั่งจองเกมล่วงหน้าได้แล้วครับ

เมนู